
อนุสัญญาเจนีวา (Geneva Conventions 1949) คือสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่มุ่งปกป้องคุ้มครองผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามหรือความขัดแย้งทางอาวุธ โดยไม่เลือกปฏิบัติ ถือเป็นรากฐานสำคัญของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ปัจจุบันมีรัฐภาคีอนุสัญญาเจนีวา 196 ประเทศ รวมถึงไทย และกัมพูชา
คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เป็นผู้ริเริ่มและดำเนินการให้มีอนุสัญญาเจนีวาขึ้น โดยมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1864 ต่อมาได้รับการปรับปรุงและเพิ่มกฎเกณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อให้ครอบคลุมสภาพความเป็นจริงของสงคราม สำหรับการปรับปรุงแก้ไขครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1949 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ปัจจุบัน อนุสัญญาเจนีวาฉบับปี 1949 ประกอบด้วยอนุสัญญา 4 ฉบับ คือ
ฉบับที่ 1 ว่าด้วยการคุ้มครองทหารที่บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยในการสงครามภาคพื้นดิน รับรองว่าทหารที่ไม่สามารถทำการรบต่อ จะต้องได้รับการดูแลอย่างมีมนุษยธรรม เข้าถึงการรักษาพยาบาล
ฉบับที่ 2 ว่าด้วยการคุ้มครองทหารที่บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยในการสงครามทางทะเล มีเนื้อหาคล้ายกับฉบับที่ 1 แต่ขยายขอบเขตการคุ้มครองไปยังการสู้รบทางทะเล เช่น การช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากเรืออับปาง
ฉบับที่ 3 ว่าด้วยการคุ้มครองเชลยสงคราม เช่น สิทธิในการได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรม การไม่ถูกทรมาน การได้รับอาหาร น้ำดื่ม ที่พักอาศัย การติดต่อกับครอบครัว และการถูกส่งตัวกลับภูมิลำเนาเมื่อสงครามสิ้นสุด
ฉบับที่ 4 ว่าด้วยการคุ้มครองพลเรือนในเขตสงครามหรือพื้นที่ยึดครอง พลเรือนเหล่านี้ต้องได้รับการดูแลอย่างมีมนุษยธรรม ไม่ถูกทรมาน สังหาร ถูกทารุณกรรมทางเพศ ถูกจับเป็นตัวประกัน ทำลายทรัพย์สิน อนุสัญญาฉบับนี้ยังครอบคลุมถึง “การห้ามโจมตีโรงพยาบาลพลเรือน” ด้วย
การโจมตี ที่ไม่คำนึงถึงหลักมนุษยธรรมและขัดต่ออนุสัญญาเจนีวา
ตัวอย่างเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2568
- กัมพูชาใช้จรวด BM.21 ยิงเข้าใส่พื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ บริเวณปั๊มน้ํามัน
- กัมพูชาโจมตีพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตรงกับบริเวณโรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
- กัมพูชาใช้อาวุธยิงสนับสนุนยิงต่อที่ตั้งฝ่ายพลเรือน เช่น วิทยาลัยการอาชีพ อ.สังขะ จ.สุรินทร์, ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา และบ้านเรือนประชาชนไทย
การโจมตีข้างต้น เป็นการโจมตีที่ส่งผลให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บจนถึงเสียชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนที่ได้รับความเสียหาย นับว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่ออนุสัญญาฉบับที่ 4
การตอบโต้ของทหารไทยยึดหลักมนุษยธรรมตามแบบอนุสัญญาเจนีวา
ตัวอย่างเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2568
- ไทยตอบโต้การรุกราน ส่งเครื่องบิน F-16 โจมตีกัมพูชา 2 รอบ โดยล็อกเป้าเฉพาะกำลังทางทหาร เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติการการใช้อาวุธสนับสนุนระยะไกลโดยใช้อากาศยาน ลงที่ตั้งทหารกัมพูชา กองพลน้อยราบที่ 42 (สน.) บริเวณทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม
- ไทยส่งมอบศพทหารกัมพูชาจำนวน 12 นาย กลับแผ่นดินเกิดตามหลักมนุษยธรรม แสดงความเคารพต่อผู้เสียชีวิตในสมรภูมิ
บทลงโทษหากประเทศภาคีละเมิดอนุสัญญาเจนีวา
หากประเทศภาคีมีการโจมตีละเมิดอนุสัญญาจะเข้าค่ายเป็นอาชญากรรมสงคราม (War Crimes) จะมีบทลงโทษตามกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนี้
- ภาคีมีหน้าที่ต้องตรากฎหมายของตนไว้ให้มีบทลงโทษทางอาญา เพื่อให้สามารถดำเนินคดีและลงโทษผู้กระทำหรือสั่งให้กระทำการละเมิดความผิดอันร้ายแรงใด ๆ ต่ออนุสัญญาฉบับนี้
- เมื่อมีคำร้องขอของภาคีผู้พิพาทฝ่ายหนึ่ง จะต้องจัดให้มีการสอบสวนเกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่าได้มีการละเมิดอนุสัญญา โดยไม่คำนึงถึงสัญชาติของผู้กระทำผิด เมื่อปรากฏชัดว่าได้มีการละเมิดแล้ว ภาคีคู่พิพาทจะต้องจัดการให้การละเมิดนั้นสิ้นสุดลง และกำจัดการละเมิดนั้นภายในเวลาสั้นที่สุดที่จะทำ
- และอาจถูกดำเนินคดีโดยศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) หรือ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)
ทั้งนี้ ประเทศไทยยังไม่ได้มีการออกกฎหมายเพื่อลงโทษผู้กระทำความผิดฐานอาชญากรรมสงคราม ซึ่งแม้ว่าแต่เดิมไทยเคยมีพระราชบัญญัติอาชญากรสงคราม พ.ศ. 2488 ซึ่งบัญญัติฐานความผิดสำหรับผู้กระทำความผิดที่ละเมิดกฎหมายหรือจารีตประเพณีระหว่างประเทศในการทำสงคราม แต่ในปี พ.ศ. 2510 ได้มีการตราพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติอาชญากรสงคราม พ.ศ. 2488 ไปแล้ว