เนปาลกำลังเป็นที่สนใจของทั่วโลก ภาพการประท้วงรุนแรงของกลุ่มประชาชนที่ลุกฮือประท้วงจนลุกลามบานปลายกลายเป็นเหตุจลาจลมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ต้นตอมาจากความไม่พอใจต่อปัญหาคอรัปชันและการบริหารประเทศ ขณะที่มาตรการแบนโซเชียลมีเดียและกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ “Nepo Kid” ในโลกออนไลน์ ยิ่งจุดชนวนให้เกิดการลุกฮือประท้วงขับไล่รัฐบาลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ

“Nepo Kid” คืออะไร ทำไมจึงเป็นประเด็นร้อนในเนปาล
“Nepo Kid”, “Nepo Kids” หรือ “Nepo Babies” มาจากการผสมคำว่า Nepotism (การเล่นพรรคเล่นพวกหรือใช้เส้นสาย) กับคำว่า kids/babies (ลูกหลาน) เพื่อใช้เรียกลูกหลานของบุคคลที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง คนดัง หรือชนชั้นนำ ที่ได้โอกาสทางสังคม อาชีพ หรือความสำเร็จ มากกว่าคนทั่วไป ไม่ใช่เพราะความสามารถเพียงอย่างเดียว แต่เพราะมีครอบครัวหรือสายสัมพันธ์หนุนหลังอยู่
เว็บไซต์ The Times of India กล่าวถึงกระแส “Nepo Kids” ในเนปาลว่ามีจุดเริ่มต้นจากโลกออนไลน์ โดยเฉพาะใน TikTok และ Reddit ซึ่งนำไปสู่การตั้งคำถามต่อ “ลูกหลานนักการเมืองและชนชั้นนำ” ที่อวดภาพชีวิตหรูหรา ทั้งการเรียนต่างประเทศ รถหรู และทริปท่องเที่ยวราคาแพง ภายใต้แฮชแท็ก #PoliticiansNepoBabyNepal
วิดีโอและโพสต์เหล่านี้ตอกย้ำถึงความเหลื่อมล้ำ เมื่อเทียบกับชีวิตจริงของประชาชนชาวเนปาลทั่วไปที่ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบ บางรายถึงขั้นต้องออกไปทำงานต่างประเทศเพื่อเลี้ยงครอบครัว ทำให้ “Nepo Kids” กลายเป็นสัญลักษณ์ของอภิสิทธิ์ชนและความไม่โปร่งใส โดยถูกกล่าวหาว่าความมั่งคั่งเหล่านั้นมาจากการทุจริต
แคมเปญนี้ลุกลามจากโลกออนไลน์สู่ท้องถนน เมื่อเยาวชนรุ่นใหม่ที่ระบุว่าเป็นกลุ่ม Gen Z ได้เชื่อมโยงประเด็นนี้เข้ากับความไม่พอใจต่อมาตรการแบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียกว่า 26 แห่งของรัฐบาล รวมถึง Facebook, X, Instagram, YouTube, LinkedIn, Reddit, WhatsApp และ Snapchat ซึ่งมองว่าเป็นการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก การชุมนุมได้ทวีความรุนแรงจนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 20 ราย บาดเจ็บกว่า 100 ราย อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์บางส่วนก็เตือนว่า การมุ่งโจมตี “ลูกหลาน” เพียงเพราะการกระทำของผู้ใหญ่ อาจเสี่ยงนำไปสู่การคุกคามทางไซเบอร์ที่ไม่ยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์บางส่วนก็ออกมาเตือนว่า กระแส Nepo Kids ถึงแม้จะมีเหตุผลในการสะท้อนความเหลื่อมล้ำและคอรัปชัน แต่การมุ่งโจมตีไปที่ “ลูกหลานนักการเมือง” เพียงเพราะการกระทำของพ่อแม่ ก็อาจเสี่ยงในการนำไปสู่การคุกคามทางไซเบอร์ที่ไม่ยุติธรรม