กรณีที่ “เอ๋ พรทิพย์” ภรรยาของนักแสดง “ป๋อ ณัฐวุฒิ” ออกมาเปิดเผยผลการตรวจพบมะเร็งปอดผ่านคลิปวิดีโอทางช่อง YouTube “ป๋อสะกิดเอ๋” เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2568 สร้างแรงสั่นสะเทือนในโลกออนไลน์จนแฮชแท็ก #เอ๋พรทิพย์ ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (Twitter) ประเทศไทย ไม่ใช่เพียงเพราะชื่อเสียงของทั้งคู่ แต่ยังเป็นการจุดประกายให้เห็นถึงประเด็นสุขภาพที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ

ผู้คนในโซเชียลมีเดียต่างส่งกำลังใจ แชร์คลิป และพูดถึงประเด็นสุขภาพกันเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะเรื่องของฝุ่น PM 2.5 ที่ถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่อาจกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็งปอด โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ไม่ได้สูบบุหรี่
ในคลิปวิดีโอดังกล่าว มีบทสัมภาษณ์จาก นพ.ผดุงเกียรติ ตั้งพิรุฬห์ธรรม ศัลยแพทย์ทรวงอก โรงพยาบาลกรุงเทพ ให้ข้อมูลว่า มะเร็งปอดที่เกิดจากเซลล์ชื่อ “Adenocarcinoma” กำลังพบได้บ่อยในปัจจุบัน โดยเฉพาะชาวเอเชียซึ่งมียีนส์ชนิด EGFR (Epidermal Growth Factor Receptor) ซึ่งหากได้รับการกระตุ้นจากฝุ่นพิษ PM 2.5 จะทำให้ยีนส์นี้สามารถกลายพันธ์ุแล้วนำไปสู่การเกิดเซลล์มะเร็งปอดได้รวดเร็วขึ้น
แม้จะเป็นข่าวร้าย แต่ก็ยังมี “ความโชคดี” อยู่
แม้จะเป็นข่าวไม่คาดคิด แต่กรณีนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการตรวจสุขภาพ โดยมะเร็งของคุณเอ๋ ถูกพบที่บริเวณปอดซ้ายด้านหลัง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทับซ้อนกับเงาหัวใจพอดี ทำให้การตรวจด้วยเอกซเรย์ธรรมดาไม่สามารถเห็นก้อนนี้ได้ จนกว่าก้อนนี้จะโต 3-4 เซนติเมตร แต่ด้วยความโชคดีที่คุณเอ๋เข้ารับการตรวจด้วย CT Scan จึงสามารถพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
สิ่งที่น่าตกใจคือการพบมะเร็งปอดในคนอายุน้อย ไม่สูบบุหรี่ แต่โชคดีมากที่ได้มาตรวจและรับการรักษา ถ้าทุกอย่างออกมาเป็นระยะที่ 1A1 (Adenocarcinoma Left Lower Lobe Stage IA1) มีโอกาสหายขาดสูงมาก และการผ่าตัดในกรณีก้อนยังเล็กสามารถเก็บเนื้อปอดได้เยอะ และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เกือบ 100%
สังเกตยังไง? ว่าอาจเป็น "มะเร็งปอด"
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ออกมาเตือนเรื่อง “มะเร็งปอด” ความเสี่ยงใกล้ตัว ผ่านเพจ Facebook โดยเรืออากาศเอกนายแพทย์สมชาย ธนะสิทธิชัย ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ระบุว่า มะเร็งปอดมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญจากการสูบบุหรี่หรือการได้รับควันบุหรี่มือสอง การสัมผัสสารก่อมะเร็ง เช่น แร่ใยหิน รวมถึงมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 และพันธุกรรมร่วมด้วย
อาการของโรคมักไม่เฉพาะเจาะจงและคล้ายคลึงกับโรคทางเดินหายใจอื่นๆ เช่น ไอเรื้อรัง ไอมีเสมหะปนเลือด หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ มีเสียงหวีด เจ็บหน้าอกหรือหัวไหล่ เสียงแหบ ปอดติดเชื้อบ่อย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ หากมีอาการเหล่านี้เรื้อรังควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องและทันท่วงที

by Muttira Nommaneewong