คลิปเดียว! สร้างกระแสไวรัลสั่นคลอนรัฐบาลไทย

“คลิปเดียว” สั่นคลอนรัฐบาลไทย จนทำให้เกิดกระแสการพูดคุยอย่างหนาแน่นบนทุกแพลตฟอร์มโซเชียลกลายเป็นปรากฏการณ์ไวรัล

จาก “คลิปเสียง” การสนทนาทางโทรศัพท์อย่างไม่เป็นทางการระหว่าง “สมเด็จ ฮุนเซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย เรื่องข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งบางช่วงบางตอน มีคำพูดที่กระทบจิตใจผู้คนส่วนใหญ่ เช่นประโยคที่ว่า “แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นคนของฝั่งตรงข้ามกับเรา” หรือ “ถ้าท่านอยากได้อะไร ขอให้บอกมาได้เลย เดี๋ยวจะจัดการให้”

ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่คลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ สถานการณ์ความไม่พอใจในการสนทนาดังกล่าว กลายเป็นประเด็นร้อนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากบนแพลตฟอร์มโซเชียล Facebook, Instagram, TikTok และ X 

บนแพลตฟอร์ม X แฮชแท็กที่เกี่ยวข้องได้พุ่งขึ้นสู่อันดับต้นๆ ของเทรนด์ประเทศไทย จนถึงเช้าวันที่ 19 มิ.ย. 68 โดยแฮชแท็กหลักที่มีปริมาณการโพสต์สูง ได้แก่ #แพทองธารชินวัตร (555K) #นายกรัฐมนตรี (134K) และ #เพื่อไทย (71.8K) ชี้ให้เห็นถึงระดับความสนใจและการมีส่วนร่วมของชาวโซเชียลในประเด็นนี้อย่างมีนัยสำคัญ

ข้อมูลจาก Google Trends ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของผู้คนอย่างชัดเจน โดยคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง เช่น “คลิปเสียง” “ฮุนเซน” และ “แม่ทัพภาคที่ 2” มีปริมาณการค้นหาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยเฉพาะคำค้นหา “แคนดิเดตนายก” ที่พุ่งสูงขึ้นกว่า 300% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่เริ่มเช็คทางเลือกใหม่ กรณีเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง

ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่กระแสความไม่พอใจจากประชาชนทั่วไปเท่านั้น ยังรวมไปถึงฟากฝั่งการเมือง โดยบรรดาพรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามรัฐบาลต่างออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าวด้วยการ “ลาออก” หรือ “ยุบสภา” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และทำให้สถานการณ์บ้านเมืองไปสู่ความสงบเรียบร้อย

ขณะที่กลุ่มเคลื่อนไหวเตรียมชุมนุมขับไล่นายกฯ เช้าวันที่ 19 มิ.ย. 2568 อดีต สว.ยังเตรียมแจ้งความดำเนินคดีอาญากับนายกรัฐมนตรีอีกด้วย

สถานการณ์ดังกล่าวไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลดลงกว่า 20 จุดในบางช่วง สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของกระแสสังคมและโซเชียลที่มีต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ

โซเชียลร่วมใจติด #ไม่เอารัฐประหาร

ท่ามกลางวิกฤติการเมือง เกิดแฮชแท็กใหม่ #ไม่เอารัฐประหาร สะท้อนให้เห็นถึงความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ที่ว่า “การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง” “ทหารมีหน้าที่ปกป้องประเทศ ไม่ใช่ปกครองประเทศ”

เพจเฟซบุ๊ก “สรยุทธ สุทัศนะจินดา”  โพสต์สเตตัส #ไม่เอารัฐประหาร ได้รับการมีส่วนร่วม หรือ Engagement ค่อนข้างสูง โดยมีปริมาณการกดไลก์และเลิฟรวม 123K  คอมเมนต์ 7.7K และ การแชร์ กว่า 16,000 ครั้ง ซึ่งถือเป็น Engagement Rate ที่สูงมาก บ่งบอกถึงความสนใจและการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งานในประเด็นนี้อย่างมีนัยสำคัญ

ข่าวเกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ประท้วงเนปาล จากกระแสออนไลน์ “Nepo Kid” ที่บานปลายสู่ท้องถนน

เนปาลกำลังเป็นที่สนใจของทั่วโลก ภาพการประท้วงรุนแรงของกลุ่มประชาชนที่ลุกฮือประท้วงจนลุกลามบานปลายกลายเป็นเหตุจลาจลมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ต้นตอมาจากความไม่พอใจต่อปัญหาคอรัปชันและการบริหารประเ…

Read More »

#ธนาคารกรุงเทพ ขึ้นเทรนด์ X หลังยอดเงินลูกค้าหายปริศนา

แฮชแท็ก #ธนาคารกรุงเทพ ขึ้นเทรนด์อันดับต้น ๆ ในประเทศไทยบนแพลตฟอร์ม X เช้าวันนี้ (2 ก.ย.) หลังจากลูกค้าจำนวนหนึ่งรายงานปัญหายอดเงินในบัญชีหายไปตั้งแต่คืนวันที่ 1 ก.ย. 68 ทั้งที่ไม่ได้ทำธุรกรรมใด ๆ…

Read More »

“แพทองธาร” พ้นนายกฯ คนไทยสนใจแห่ค้นหาพุ่ง

คดีคลิปเสียงประเด็นร้อนวันนี้ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้แฮชแท็ก #แพทองธารชินวัตร #นายกรัฐมนตรี #ศาลรัฐธรรมนูญ พุ่งสู่อันดับ 1 เทรนด์ X…

Read More »

#รถไฟฟ้า20บาท คนแห่ลงทะเบียนเป็นแสน บ่น “งง” ผูกบัตร

วันนี้ hashtag #รถไฟฟ้า20บาทตลอดสาย ขึ้นเทรนด์ X (Twitter) ประเทศไทย และเป็นที่พูดถึงบนโซเชียลมีเดีย หลังกระทรวงคมนาคมเปิดให้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ขึ้นรถไฟฟ้าทุกสายจ่าย 20 บาท

Read More »

แผ่นดินไหว ขึ้นเทรนด์ คนใน กทม. แพนิค หวั่นซ้ำรอย 28 มีนา

เมื่อเช้านี้ hashtag #แผ่นดินไหว พุ่งขึ้นเทรนด์อันดับต้น ๆ ของแพลตฟอร์มเอ็กซ์ประเทศไทย หลังประชาชนในกรุงเทพฯ หลายพื้นที่รู้สึกสั่นสะเทือนเมื่อเวลา 09.58 น.

Read More »

กฎใหม่! บริจาควัดต้องผ่าน e-Donation ท่ามกลางกระแสข่าววัดพระบาทน้ำพุ

#วัดพระบาทน้ำพุ และ #หลวงพ่ออลงกต กลายเป็นหัวข้อที่คนพูดถึงกันมากในโซเชียลมีเดียวันนี้ โดยข้อมูลจาก Google Trends แสดงให้เห็นว่าคำค้นหา “วัดพระบาทน้ำพุ” มีการค้นหาเพิ่มขึ้นอย่างมาก…

Read More »