ผศ.ดร.คันธิรา ฉายาวงศ์ จากมธ. ฟันธง Thailand Media Landscape เปลี่ยนเร็ว AI บุกวงการสื่อ และอัลกอริทึมรู้จักคุณดีกว่าที่คุณคิด
- 29 ธ.ค. 2568
- 11:49 น.
Highlights:
- แบรนด์ต้องเข้าใจความต่างระหว่าง Need vs Want และ “รู้ให้ทันก่อนผู้บริโภคเปลี่ยนใจ” เพราะพฤติกรรมบนโซเชียลทำให้การตัดสินใจซื้อเกิดเร็วและหายเร็ว ถ้าปิดการขายไม่ทัน โอกาสก็หายไปทันที
- อัลกอริทึมวิเคราะห์ผู้บริโภคละเอียดถึงระดับ Level และ Taste ทำให้แม้ค้นหาสินค้าเดียวกัน แต่คอนเทนต์/โฆษณาที่แต่ละคนเห็นต่างกันอย่างสิ้นเชิง การตลาดจึงซับซ้อนขึ้นและต้องทำให้ “ตรงคน” มากกว่าเดิม
- คนแต่ละเจนเสพสื่อและตัดสินใจซื้อไม่เหมือนกัน ตั้งแต่ Gen Z ที่ multi-task ไปจนถึง Gen X/Boomer ที่ต้องการความมั่นใจก่อนซื้อ แบรนด์จึงต้องปรับรูปแบบคอนเทนต์และช่องทางให้เหมาะกับแต่ละกลุ่ม
AI เปลี่ยน Media Landscape ไทย 2569
ปี 2569 จะเป็นปีที่ Thailand Media Landscape เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว AI เข้ามาแทนที่งานบางอย่าง Gen Z สามารถดู TikTok ไปพร้อมกับฟังพอดคาสต์ ขณะที่อัลกอริทึมกำลังวิเคราะห์เราอย่างละเอียดจนรู้ว่า เราอยู่ใน Level ไหน และมี Taste แบบใด ผศ.ดร.คันธิรา ฉายาวงศ์ หรือ อาจารย์ปอร์เช่ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายปริญญาตรี หลักสูตรภาษาไทย คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมเจาะลึกในหลายมิติของการเปลี่ยนแปลงนี้
ผลกระทบของ AI ต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงาน
ในบรรดาการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ประเด็นที่อาจารย์ปอร์เช่ให้ความสำคัญคือ ผลกระทบของ AI ต่อตลาดแรงงาน เนื่องจาก AI จะเข้ามาแทนที่งานบางส่วน ส่งผลให้อาชีพหรืองานบางประเภทจะเริ่มหายไป เช่น งานพิสูจน์อักษร จิตรกรที่อาจจะได้รับผลกระทบจากภาพวาดที่สร้างขึ้นโดย AI หรือการใช้ AI ในการทำภาพยนตร์สั้นและโฆษณาก็จะมีมากขึ้น ๆ ในขณะเดียวกันจะมีการเลิกจ้างในส่วนของงานหลังบ้าน (Back Office) แต่คนงานในโรงงานผลิตที่ต้องทำงานประสานกับเครื่องจักรยังคงมีอยู่
การปรับบุคลากรในอุตสาหกรรมสื่อนั้น บริษัทสื่อบางแห่งไม่ได้ปฏิเสธการรับคนใหม่ แต่เลือกที่จะเอาคนเก่าออกและรับคนใหม่เข้ามาในตำแหน่งที่มีความหลากหลายและทันสมัยมากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการรับคนรุ่นใหม่ที่ตรงกับเทคโนโลยีและความทันสมัยเข้ามาแทนที่คนที่ไม่ปรับตัว"
อาจารย์ปอร์เช่กล่าว
อย่างไรก็ดี หากมองถึงประโยชน์ของ AI ต่อวงการสื่อนั้น AI สามารถช่วยนำเสนอข้อมูลสนับสนุนการรายงานข่าวได้อย่างรวดเร็ว เช่น การดึงข้อมูลจากรายงานวิจัยมาใช้
นอกจากนี้ AI ยังช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ เนื่องจาก Digital Footprint หรือร่องรอยดิจิทัลที่เกิดขึ้นจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีดิจิทัลจะถูกบันทึกไว้ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตเนื้อหาเผยแพร่บนเว็บไซต์ การโพสต์ข้อความ หรือการแชร์รูปภาพบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งร่องรอยเหล่านี้สามารถติดตามย้อนกลับได้ทั้งในแง่ของสื่อเองและผู้บริโภค เมื่อเกิดปัญหาหรือไม่แน่ใจเกี่ยวกับความถูกต้องของข้อมูล AI จะสามารถดึงข้อมูลที่ถูกจัดเก็บไว้มาวิเคราะห์และตรวจสอบได้
อาจารย์ปอร์เช่เชื่อว่า ในปี 2569 AI จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือการคัดลอกงานสร้างสรรค์รูปภาพจาก AI จะได้รับการปรับปรุงหรือแก้ไขโดยบริษัทผู้พัฒนา AI
Need หรือ Want? แบรนด์ต้องรู้ทันก่อนผู้บริโภคเปลี่ยนใจ
ในขณะที่วงการสื่อกำลังปรับตัวรับมือกับ AI พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคโซเชียลมีเดียก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน อาจารย์ปอร์เช่ชี้ให้เห็นว่า แบรนด์และนักการตลาดต้องเข้าใจจิตวิทยาผู้บริโภคยุคใหม่ที่ซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในด้านการตัดสินใจซื้อ การเสพคอนเทนต์ และการถูกโน้มน้าวโดยบทบาทของโซเชียลมีเดียและอัลกอริทึมที่ทรงพลังขึ้นทุกวัน
ดังนั้นแบรนด์ต้องรู้ข้อมูลที่มากไปกว่าแค่ว่าลูกค้าต้องการอะไร แต่แบรนด์ต้อง “รู้ให้ทันก่อนที่ผู้บริโภคจะเปลี่ยนใจ” นั่นคือความแตกต่างระหว่าง “ความต้องการที่แท้จริง” (Need) กับ “ความอยากได้ชั่วครั้งชั่วคราว” (Want)
แบรนด์ต้องศึกษาความต้องการที่จำเป็น ซึ่งมีทั้งระยะสั้นและระยะยาว กับความต้องการแบบฉับพลันของผู้บริโภค"
อาจารย์ปอร์เช่อธิบาย
สิ่งที่สำคัญคือ ผู้ขายต้องหาวิธีปิดการขายให้เร็วที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการฉับพลันของผู้บริโภค เพราะ Want นั้นเกิดขึ้นทันทีแต่ก็หายไปได้เร็วเช่นกัน"
ความต้องการที่แท้จริงมักเป็นความต้องการที่คิดมาอย่างรอบคอบและมีระยะเวลาในการตัดสินใจ ในขณะที่ความอยากได้ชั่วครั้งชั่วคราว มักเกิดขึ้นจากการเห็นโฆษณาหรือคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย และหากแบรนด์ไม่สามารถปิดการขายได้ในช่วงเวลานั้น โอกาสก็อาจจะหายไปในพริบตา
อัลกอริทึมที่รู้จักคุณดีกว่าที่คุณคิด ทั้ง Level และ Taste
สิ่งที่ทำให้การตลาดยุคนี้ซับซ้อนมากขึ้นคือบทบาทของอัลกอริทึมบนโซเชียลมีเดีย อาจารย์ปอร์เช่เล่าให้ฟังว่า โซเชียลมีเดียเน้นเรื่อง “Interest” หรือความสนใจของผู้บริโภคเป็นหลัก อัลกอริทึมจะฟีดเนื้อหาที่ตรงกับความสนใจโดยอัตโนมัติ และมีการวิเคราะห์ผู้บริโภคอย่างละเอียดมากว่าอยู่ในระดับ (Level) หรือมีรสนิยม (Taste) แบบใด
แม้แต่การค้นหาสินค้าอย่างเครื่องสำอาง ข้อมูลของผู้บริโภคก็ถูกเก็บและวิเคราะห์ไปในระดับที่ทำให้การฟีดเนื้อหาของแต่ละคนมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน"
อาจารย์ปอร์เช่กล่าว
นั่นหมายความว่า ข้อมูลของผู้บริโภคแต่ละรายจะถูกอัลกอริทึมวิเคราะห์ว่า มีกำลังซื้ออยู่ในระดับใดและมีรสนิยมแบบใด เพื่อที่จะได้ฟีดโฆษณาและคอนเทนต์ที่ตรงกับผู้บริโภครายนั้น ๆ แม้ว่าผู้บริโภคจะค้นหาสินค้าแบบเดียวกัน แต่ฟีดของคอนเทนต์ที่ได้จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะ AI จะเรียนรู้ได้ดีขึ้นและนำดาต้าของผู้บริโภคไปวิเคราะห์ได้อย่างละเอียดยิ่งขึ้น
ปรากฏการณ์ไลฟ์ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” กลยุทธ์ Storytelling ที่ผสมผสาน “ดราม่า” และ “Empathy”
ปรากฏการณ์ไลฟ์ของอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังอย่าง เจนนี่-รัชนก สุวรรณเกตุ หรือ “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นถึงการใช้กลยุทธ์การตลาดสมัยใหม่ ความเข้าใจอัลกอริทึม การจับ Want ของผู้บริโภค และการใช้ Storytelling ที่โดนใจคนไทย อาจารย์ปอร์เช่วิเคราะห์ว่า อินฟลูเอนเซอร์ยุคใหม่ที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาวนั้น ต้องมีมากกว่าแค่ความดังหรือยอดผู้ติดตาม แต่ต้องมาจาก “ความจริงใจ” และการนำเสนอไลฟ์สไตล์ที่มี “ความเป็นมนุษย์” มากขึ้น
ความสำเร็จของไลฟ์เจนนี่มาจากการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคอย่างละเอียด อาจารย์ปอร์เช่ชี้ให้เห็นว่า เจนนี่ใช้กลยุทธ์ Storytelling เช่น การนำ “คำคม” มาแต่งเพลง และการใช้เรื่องราวส่วนตัวที่มี “ดราม่า” และ “ความเห็นอกเห็นใจ” (Empathy) เช่น เรื่องความกตัญญูต่อแม่ มาผสมผสานกับการขาย ทำให้ผู้ชมเกิดความเชื่อมโยงทางอารมณ์และความรู้สึก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ได้มีการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างละเอียด จนนำไปสู่ความสำเร็จของไลฟ์ในที่สุด
นอกจากเรื่องราวที่สร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์แล้ว เจนนี่ยังเข้าใจวิธีการทำงานของอัลกอริทึมของติ๊กต๊อก อาจารย์ปอร์เช่อธิบายว่า เจนนี่ใช้เวลาไลฟ์ที่สั้นและกระชับ เช่น 10-20 นาที ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อัลกอริทึมของติ๊กต๊อกกำลังฟีดยอดคนดูให้สูงสุด
การจำกัดเวลาไลฟ์แบบนี้ช่วยสร้างยอดขาย และป้องกันยอดตกเมื่อถึงจุดอิ่มตัว ซึ่งเป็นหลักการว่าเมื่อฟีดขึ้นถึงจุดหนึ่งแล้วมันจะลง การตัดไลฟ์ในช่วงที่ยอดคนดูสูงสุดจึงทำให้แต่ละไลฟ์ดูตื่นเต้นและประสบความสำเร็จอย่างสม่ำเสมอ และยังตรงกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องตัดสินใจซื้อแบบฉับพลัน ไม่มีเวลาคิดนาน"
อาจารย์ปอร์เช่กล่าว
สิ่งที่ทำให้เจนนี่แตกต่างจากอินฟลูเอนเซอร์รายอื่น ๆ คือโมเดลธุรกิจที่เธอสร้างขึ้น อาจารย์ปอร์เช่ชี้ให้เห็นว่า เจนนี่ไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นผู้ขายของ แต่เธอทำหน้าที่เป็น “เจ้าของตลาด” โดยการดึงคนดังและผู้ค้ารายย่อยเข้ามาขายในช่องของตน การทำเช่นนี้ช่วยสร้างเอ็นเกจเมนต์ (Engagement) และ “ต่อยอด” ให้ผู้ค้ารายนั้นสามารถไปสร้างแฟนคลับและธุรกิจของตนเองต่อได้ นี่คือการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ทางธุรกิจที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ไม่ใช่แค่ตัวเจนนี่
อาจารย์ปอร์เช่มองว่า ปรากฏการณ์ไลฟ์สดแบบเจนนี่ที่เน้นจังหวะ “ปึ้งปั้ง ๆ” ตลอดเวลา เหมือน “ละครสั้นแนวตั้ง“ นั้น จะส่งผลให้วงการไลฟ์และละครสั้นต้องมีการพัฒนาให้มีความต่อเนื่องและสนุกสนานมากขึ้นในอนาคต การไลฟ์ไม่ใช่แค่การนั่งพูดขายของอีกต่อไป แต่กลายเป็นการแสดงที่มีการออกแบบจังหวะ มีเนื้อเรื่อง และมีความบันเทิง ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคคอนเทนต์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความเร็วและความสนุก
ต้องเข้าใจ Generation ถึงจะเข้าใจตลาด
นอกจากการเข้าใจอัลกอริทึมแล้ว การเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคแต่ละช่วงวัย ก็สำคัญไม่แพ้กัน อาจารย์ปอร์เช่ชี้ให้เห็นว่า การบริโภคสื่อและการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในแต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน และการเข้าใจความแตกต่างนี้คือกุญแจสำคัญของความสำเร็จในการทำการตลาด
- Gen Z
Gen Z ชื่นชอบเนื้อหาที่สั้น กระชับ รวดเร็ว และมักมี “ดนตรี” หรือ “อารมณ์ร่วม” เข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งที่น่าสนใจคือ Gen Z มักจะทำหลายอย่างพร้อมกันได้ เช่น ฟังพอดคาสต์ไปพร้อม ๆ กับดูคลิปติ๊กต๊อก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรับสารแบบ Multi-tasking - Gen Y
ในขณะที่ Gen Y มีพฤติกรรมที่ต่างออกไป ชอบอ่านข้อความโดยใช้สมาธิและไม่ชอบเสียงเพลงรบกวน ต้องการโฟกัสกับเนื้อหาที่อ่านและให้ความสำคัญกับรายละเอียด - Gen X – Baby Boomer
สำหรับ Gen X และ Baby Boomer แม้จะใช้โซเชียลมีเดียดูสินค้า แต่การตัดสินใจซื้อจริงมักจะกลับไปที่ไลน์หรือเฟซบุ๊ก โดยมีความรอบคอบและต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทั้งสองเจนเนอเรชันนี้ยังคงให้ความสำคัญกับการสื่อสารแบบตัวต่อตัวและต้องการความมั่นใจก่อนการซื้อ
ความแตกต่างเหล่านี้ทำให้แบรนด์และนักการตลาดต้องปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่ม การทำความเข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายของแบรนด์อยู่ในเจนเนอเรชันไหนและมีพฤติกรรมอย่างไร จะช่วยให้การสื่อสารและการขายมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลและสตรีมมิ่งปรับตัวอย่างไร
การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคแต่ละรุ่น ส่งผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมสื่อ โดยเฉพาะทีวีดิจิทัลและแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่กำลังเผชิญกับความท้าทายและโอกาสใหม่ ๆ อาจารย์ปอร์เช่ชี้ให้เห็นว่า ผู้ประกอบการในวงการนี้ต้องปรับตัวอย่างมากเพื่อความอยู่รอด ยกตัวอย่างผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลที่ผลิตคอนเทนต์แล้วนำไปขายต่อในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง หรือบนแพลตฟอร์มของตัวเอง และส่งออกคอนเทนต์ไปต่างประเทศ การทำเช่นนี้ช่วยให้เกิดการกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากช่องทางเดียว
อีกประเด็นที่น่าสนใจและเห็นได้ว่าทีวีดิจิทัลมีโอกาสในการต่อยอดการขายโฆษณาเพิ่มขึ้น คือ กรณีของการขายโฆษณาทั้งในรายการทีวีและโซเชียลมีเดีย เช่น รายการโหนกระแสที่แม้ว่า แอร์ไทม์ของรายการจะจบลงแล้ว แต่เมื่อประเด็นยังไม่จบ บางครั้งก็จะมีการนำเสนอคอนเทนต์ต่อในเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งผู้ชมก็จะตามไปดู ตรงจุดนี้จึงสามารถขายโฆษณาควบทั้งทีวีและโซเชียลมีเดีย
นอกจากนี้ ยังมีกลยุทธ์การปรับเปลี่ยนเรตเนื้อหาให้แตกต่างกัน เช่น เรต ท. (ทุกวัย) สำหรับรายการที่ออกอากาศในช่วงเวลาทั่วไป และเรต ฉ. (เฉพาะผู้ใหญ่) สำหรับหลังเที่ยงคืน เพื่อให้สามารถขายเวอร์ชัน “Uncut” บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งหรือตอนพิเศษได้ ซึ่งทำให้ขายคอนเทนต์ได้ 2 ต่อ นี่คือการสร้างมูลค่าเพิ่มจากคอนเทนต์ชุดเดียวกัน
อย่างซีรีส์วายหรือยูริ นอกจากจะขายคนดูทีวีตามปกติหรือคนที่ดูสตรีมมิ่งแล้ว ก็ยังสามารถขายในตลาดต่างประเทศได้”
อาจารย์ปอร์เช่กล่าว
อาจารย์ปอร์เช่อธิบายต่อไปว่า ตลาดสตรีมมิ่งมีความยากในการรักษาจำนวนผู้ใช้บริการ เนื่องจากเป็นการขายแบบแพ็กเกจ ซึ่งต้องทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่า “คุ้มค่า” กับคอนเทนต์ที่หลากหลาย ต่างจากการดูทีวีที่ไม่ต้องจ่ายเงิน ผู้ใช้บริการสตรีมมิงจึงมีความคาดหวังสูงและสามารถยกเลิกการใช้งานได้ทันทีหากรู้สึกว่าไม่คุ้มค่า
Local Content ตอบจริตผู้ชมไทย
ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจคือ เน็ตฟลิกซ์และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่น ๆ ที่ร่วมทุนกับผู้ผลิตไทย และผลิตคอนเทนต์สำหรับตลาดท้องถิ่น (Local Content) มากขึ้น เพื่อให้เข้ากับ “จริตของคนไทย” เนื่องจากการนำคอนเทนต์จากต่างประเทศ (Global Content) มาฉายทั้งหมดมีความเสี่ยงสูง เพราะบางครั้งไม่เป็นที่ชื่นชอบ หรือไม่สามารถสร้างการเชื่อมโยงทางอารมณ์ได้เท่าคอนเทนต์ท้องถิ่น
อาจารย์ปอร์เช่มองว่า ตลาดไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจมาก มีฐานผู้ชมที่เยอะและมียอดวิวสูงมาก บางคอนเทนต์สามารถทำยอดวิวได้หลายร้อยล้านวิว นอกจากนี้ คนไทยยังเป็นคนที่มีความอยากรู้อยากเห็น ความเห็นอกเห็นใจสูง และมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นในประเด็นดราม่าต่าง ๆ มาก ทำให้คอนเทนต์ที่มี Storytelling ที่ดีและสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์สามารถประสบความสำเร็จได้ง่ายในตลาดไทย
ดังนั้น การที่แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งระดับโลกหันมาให้ความสำคัญกับ Local Content ของไทย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดและความสามารถของผู้ผลิตคอนเทนต์ไทยที่สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้
YouTube จะมาแทนที่สตรีมมิ่งหรือไม่
ในขณะที่แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งกำลังเติบโตและปรับตัว หลายคนอาจสงสัยว่า ยูทูบ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะแข่งขันในตลาดนี้ได้หรือไม่ อาจารย์ปอร์เช่มีมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ อาจารย์ปอร์เช่มองว่า …
ยูทูบคงจะไม่สามารถมาแทนที่ทีวีดิจิทัลหรือสตรีมมิ่งได้
แม้ว่าจะมีผู้ใช้งานจำนวนมากก็ตาม เนื่องจากค่าตอบแทนที่ยูทูบให้กับผู้สร้างคอนเทนต์อาจไม่ดึงดูดผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนสร้างคอนเทนต์คุณภาพสูง โดยเฉพาะคอนเทนต์ที่ต้องใช้งบประมาณสูงอย่างละครหรือซีรีส์
นอกจากเรื่องค่าตอบแทนแล้ว ปัญหาสำคัญอีกข้อคือ ฟีเจอร์ของยูทูบที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ง่ายต่อการดูเนื้อหาแบบเป็นตอน (Episode) เหมือนละคร แต่มักจะเรียงไม่เป็นระเบียบ ทำให้หาตอนที่ต้องการดูยาก
ในขณะที่ผู้ชมในปัจจุบัน โดยเฉพาะ Gen Z โตมาพร้อมกับความสะดวกสบายจากแพลตฟอร์มสตรีมมิงที่มีระบบจัดการตอนอย่างเป็นระเบียบ มีการแนะนำตอนต่อไปอัตโนมัติ และสามารถดูต่อจากที่ค้างไว้ได้ง่าย การขาดฟีเจอร์เหล่านี้ทำให้ยูทูบอาจจะไม่เหมาะกับการดูคอนเทนต์แบบซีรีส์หรือละครที่ต้องติดตามเป็นตอน ๆ
ดังนั้น แม้ว่ายูทูบจะยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญสำหรับคอนเทนต์รูปแบบอื่นๆ แต่สำหรับคอนเทนต์แบบซีรีส์และละคร แพลตฟอร์มสตรีมมิงยังคงมีความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด
เกมและอีสปอร์ต: ธุรกิจที่เติบโตอย่างเงียบๆ แต่ทรงพลัง
นอกจากทีวีดิจิทัล สตรีมมิง และยูทูบแล้ว อีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและทรงพลัง คือ ธุรกิจเกมและอีสปอร์ต (E-sports) อาจารย์ปอร์เช่มองว่า นี่คือหนึ่งในธุรกิจที่มีศักยภาพสูงในตลาดสื่อไทย เพราะถูกขับเคลื่อนด้วยแรงจูงใจพื้นฐานของมนุษย์ นั่นคือความต้องการแข่งขันและการเอาชนะ ซึ่งทำให้ผู้เล่นกลับมาเล่นซ้ำแล้วซ้ำอีก
สิ่งที่ทำให้เกมยุคใหม่แตกต่างจากอดีตคือ มิติทางสังคมที่ถูกออกแบบเพิ่มเข้ามา เกมในปัจจุบันเน้นเรื่องการสื่อสารและการเล่นเป็นทีม เพื่อแก้ปัญหาความเหงาของผู้เล่น ทำให้เกมไม่ได้เป็นแค่ความบันเทิง แต่กลายเป็นพื้นที่ทางสังคมที่ผู้เล่นสร้างความสัมพันธ์และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
เกมมีมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล กลายเป็นพื้นที่สำหรับการลงทุน และการสร้างอาชีพใหม่ ๆ อาจารย์ปอร์เช่ชี้ให้เห็นว่า ในปัจจุบันมีอาชีพใหม่เกิดขึ้นมากมายในวงการเกม เช่น นักเล่นเกมมืออาชีพ (Pro Gamer) ผู้ถ่ายทอดสดเกม (Game Streamer) นักวิเคราะห์เกม และอื่น ๆ อีกมากมาย
ผู้เล่นเกมที่มีทักษะสามารถสร้างรายได้จากการไลฟ์สด การแข่งขันอีสปอร์ต และการสร้างคอนเทนต์ ซึ่งทำให้ธุรกิจเกมไม่ได้เป็นแค่การเล่นเพื่อความบันเทิง แต่กลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ได้จริง
ประเด็นที่เคยเป็นความกังวลของสังคมคือ ความรุนแรงในเกม แต่อาจารย์ปอร์เช่ชี้ให้เห็นว่า ปัญหานี้ลดลง เนื่องจากเกมสมัยใหม่เริ่มเน้นการสร้าง “Culture” หรือวัฒนธรรม และออกแบบให้มีความแฟนตาซีมากขึ้น แทนที่จะเน้นความรุนแรงแบบสมจริง
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกมได้รับการยอมรับจากสังคมมากขึ้น และเปิดโอกาสให้ธุรกิจเกมเติบโตได้ไกลมากขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่ผู้เล่นมักจะ “ติด” และกลับมาเล่นอย่างต่อเนื่อง
อาจารย์ปอร์เช่สรุปว่า ธุรกิจเกมและอีสปอร์ตเป็นส่วนหนึ่งของ Media Landscape ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมีศักยภาพในการเติบโตสูงและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับคนรุ่นใหม่ได้มาก
อนาคตสื่อไทยและทักษะที่ต้องมี
จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น AI ที่เข้ามาแทนที่แรงงาน อัลกอริทึมที่วิเคราะห์ผู้บริโภคอย่างละเอียด ไปจนถึงการเติบโตของสตรีมมิงและเกม อาจารย์ปอร์เช่มองว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ปี 2569 สื่อไทยจะเปลี่ยนแปลงต่อไปอีกมาก และทุกคนต้องเตรียมพร้อมรับมือ
อาชีพสื่อมีความเสี่ยงสูงที่สุดเนื่องจากจะมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาแทนที่ ดังนั้น คนทำสื่อจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อม คนทำสื่อต้องมีทักษะหลากหลาย (Multi-skill) พร้อมปรับตัว และหาความถนัดในระดับผู้เชี่ยวชาญ (Expert) การมีแค่ความรู้ผิวเผินไม่เพียงพออีกต่อไป ต้องมีอย่างน้อยหนึ่งทักษะที่เชี่ยวชาญจริง พร้อมทั้งมีทักษะอื่น ๆ รองรับด้วย
อาจารย์ปอร์เช่เน้นสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานในวงการสื่อว่า ผู้ประกอบการมีสิทธิ์เลือกมากขึ้น โดยดูจากความสำเร็จบนโลกออนไลน์และ Portfolio มากกว่า หากมีผลงานที่โดดเด่น มียอดผู้ติดตามหรือสร้างคอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จ นั่นเป็นสิ่งที่มีค่า
ทักษะพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ คือ ทักษะความเป็นมนุษย์ เช่น ความอดทน ความเห็นอกเห็นใจ และทักษะการสื่อสารที่ดีในการทำงานร่วมกับคนหลากหลายวัย เพราะในโลกการทำงานจริง เราต้องทำงานกับทั้ง Gen Z ที่ทำงานเร็ว Gen Y ที่ต้องการรายละเอียด และ Gen X ที่มีประสบการณ์ การเข้าใจและสื่อสารกับทุกรุ่นได้จึงเป็นทักษะสำคัญ
นอกจากนี้ คนทำสื่อต้องมีความรู้รอบและรู้ลึกในหลายสาขา เช่น กฎหมาย วิศวกรรมศาสตร์ การแพทย์ กีฬา เพื่อให้สามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างแม่นยำ การเป็นนักข่าวหรือผู้สื่อสารที่ดีไม่ใช่แค่เขียนหรือพูดเก่ง แต่ต้องเข้าใจเนื้อหาในเชิงลึกด้วย
ไม่ใช่แค่คนทำสื่อเท่านั้นที่ต้องปรับตัว ผู้บริโภคเองก็ต้องเตรียมพร้อมเช่นกัน อาจารย์ปอร์เช่แนะนำว่า ผู้บริโภคต้องมี Media Literacy และ Digital Literacy หรือความสามารถในการรู้เท่าทันสื่อและเทคโนโลยี เพื่อไม่ให้ถูกหลอกหรือตกเป็นเหยื่อของข้อมูลเท็จ
นอกจากนี้ ผู้บริโภคต้องเข้าใจตัวเองและบริหารจัดการการเงินส่วนตัว เพื่อป้องกันการถูกหลอกหรือใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะในยุคที่อัลกอริทึมรู้จักคุณดีและพยายามกระตุ้นให้คุณซื้อของตลอดเวลา การมีวินัยทางการเงินและรู้ว่าอะไรคือ Need และอะไรคือ Want จึงสำคัญมาก
Topics
- แนวโน้มสื่อไทย 2569
- แนวโน้มสื่อไทย 2568
- ภูมิทัศน์สื่อไทยปี 2568
- ภูมิทัศน์สื่อไทยปี 2567
- ภูมิทัศน์สื่อไทยปี 2566
- ภูมิทัศน์สื่อไทยปี 2565
- ภูมิทัศน์สื่อไทยปี 2564
- ภูมิทัศน์สื่อไทยปี 2563
- Thai Media Trends 2026 (English Version)
- Thai Media Trends 2025 (English Version)
- Thailand Media Landscape 2024-2025 (English Version)
- Thailand Media Landscape 2023-2024 (English Version)
- Thailand Media Landscape 2022-2023 (English Version)
- Thailand Media Landscape 2021-2022 (English Version)