"ธีรพล อำไพ" ผู้เชี่ยวชาญ MarTech แนะสื่อและธุรกิจปรับโฟกัสจากคีย์เวิร์ดสู่พฤติกรรมผู้ใช้ เร่งสร้างความน่าเชื่อถือในยุค AI Search
- 25 ธ.ค. 2568
- 9:04 น.
Highlights:
- AI Search และ Google AI Overview เปลี่ยนพฤติกรรมการค้นหาอย่างชัดเจน ธุรกิจต้องปรับจากการทำคอนเทนต์แบบ Keyword-centric ไปสู่ Customer-centric ที่ตอบคำถามผู้ใช้จริง
- SEO แบบดั้งเดิมยังสำคัญในฐานะ Foundation แต่การใช้คีย์เวิร์ดต้อง “พอดี” และควรเน้นรูปแบบถาม–ตอบ (FAQ) คอนเทนต์กระชับ เข้าใจง่าย เพื่อให้ AI ดึงไปใช้อ้างอิง
- ความน่าเชื่อถือคือหัวใจของยุค AI Search ทั้งสื่อและธุรกิจต้องสร้างคอนเทนต์คุณภาพ โครงสร้างเว็บไซต์ที่ AI เข้าใจง่าย และมีแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ เพื่อให้ถูกใช้เป็น Reference และ Citation
AI Search พลิกพฤติกรรมการค้นหา
โลกการตลาดดิจิทัลกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการรุกคืบของ AI Search และ Google AI Overview ซึ่งพลิกโฉมพฤติกรรมการค้นหาข้อมูลของผู้บริโภคไปอย่างสิ้นเชิง “ธีรพล อำไพ” หรือ คุณซัน อาจารย์พิเศษและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการตลาด (MarTech) ได้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ธุรกิจจะต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดในการทำคอนเทนต์จากที่มุ่งเน้นคีย์เวิร์ดไปสู่การทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้ ตั้งแต่เครื่องมือที่ควรใช้ ไปจนถึงกลยุทธ์การสร้างคอนเทนต์แบบ customer-centric ที่จะช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้ในยุคที่ AI เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก
อาจารย์ซัน กล่าวถึงผลกระทบของ AI Search และ Google AI Overview ว่า AI Search และ AI Overview ได้เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคไปอย่างชัดเจน โดยผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะถามคำถามที่สั้นลง เนื่องจาก AI ในปัจจุบันมีความฉลาดและสามารถประมวลผลได้ดีขึ้น จึงให้คำตอบที่ครอบคลุม พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปนี้ทำให้ผู้ผลิตคอนเทนต์ต้องปรับตัว จากเดิมที่เคยทำคอนเทนต์แบบเน้นที่คีย์เวิร์ด (Keyword-centric) ก็ควรจะหันมาให้ความสำคัญกับการทำคอนเทนต์แบบที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (Customer-centric) มากยิ่งขึ้น
คอนเทนต์ต้องทำเพื่อสื่อสารกับคนให้มากที่สุด เขียนเหมือนคนคุยกัน ที่ผ่านมา กูเกิลพยายามเน้นมานานแล้วว่าอย่าทำคอนเทนต์เพื่อเอาใจอัลกอริทึม แต่ให้ทำคอนเทนต์เพื่อคน"
อาจารย์ซันกล่าว
ดังนั้น การใส่คีย์เวิร์ดจำนวนมากเพื่อเอาใจอัลกอริทึมอาจจะไม่จำเป็นเท่ากับเมื่อก่อนแล้ว เนื่องจาก AI ทำงานในรูปแบบของ Prompt คล้ายการคุยกับเพื่อน คอนเทนต์จึงควรกระชับ ตรงประเด็น และเข้าใจง่าย
ในทางปฏิบัตินั้น การเขียนคอนเทนต์ในยุคนี้ควรเน้นการตอบคำถามในรูปแบบประโยคคำถามหรือถามตอบ เพราะ AI มักจะดึงคำตอบที่สั้นและกระชับไปใช้งาน
เครื่องมือช่วย SEO ที่ควรรู้จัก
สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มทำ SEO (Search Engine Optimization) อาจารย์ได้แนะนำเครื่องมือที่สามารถใช้งานได้ฟรีอย่าง Google Search Console ซึ่งช่วยให้รู้ว่า ผู้ใช้งานค้นหาคำอะไรบ้างที่ทำให้เข้ามาเจอเว็บของเรา เว็บเราอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ และมีการคลิกมากน้อยแค่ไหน เช่น หากทำเว็บไซต์โรงพยาบาล แล้วพบว่า คนเจอเว็บไซต์เราจากการค้นหาด้วยคำว่า “โรคหัวใจ” มากที่สุด สิ่งนี้ก็ช่วยบอกเราได้ว่า เราควรทำคอนเทนต์เกี่ยวกับโรคหัวใจให้มากขึ้น
ส่วนมืออาชีพ เครื่องมืออย่าง Ahrefs จะช่วยวิเคราะห์คีย์เวิร์ด ตรวจสอบ backlink และเปรียบเทียบกับคู่แข่งได้ ในขณะที่ผู้ใช้ WordPress สามารถใช้ปลั๊กอินอย่าง Yoast SEO ที่จะบอกคะแนนและคำแนะนำให้ปรับปรุงแต่ละส่วนของเนื้อหา
“เครื่องมือจะช่วยชี้ว่า เราควรจะไปทางไหน” อาจารย์ซันกล่าว
SEO แบบดั้งเดิมยังสำคัญหรือไม่
คำตอบคือ “สำคัญ” อาจารย์ซันได้อธิบายถึง SEO แบบดั้งเดิมว่า พื้นฐานของ SEO แบบดั้งเดิมเป็นรากฐานที่ขาดไม่ได้ หากเราวาดรูป SEO แบบดั้งเดิม กับ AI SEO เป็นวงกลม 2 วงซ้อนทับกัน พื้นที่ตรงกลางที่ทับซ้อนกัน คือ Foundation หรือพื้นฐานที่ทุกคนต้องทำความเข้าใจ ไม่ว่าจะทำคอนเทนต์ในแง่มุมไหน
ไม่ว่าจะเป็น Traditional SEO หรือ AI SEO ก็ตาม พื้นฐานยังคงสำคัญ ต้องเข้าใจพื้นฐานก่อน จึงจะทำได้ดี"
อาจารย์ซันกล่าว
อาจารย์ซันยังได้กล่าวถึงการใช้คีย์เวิร์ดด้วยว่า ให้ใช้แบบพอดีและเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องใส่คีย์เวิร์ดมากเกินไปจนทำให้คอนเทนต์อ่านยาก และควรเปลี่ยนไปใช้รูปแบบของการถามและตอบ (FAQ) มากขึ้น เพราะ AI ชอบรูปแบบนี้
กลยุทธ์สร้างคอนเทนต์ในยุค AI
อาจารย์ซันแนะนำให้ทำคอนเทนต์ 2 ประเภท คือ
1) Topical Content เนื้อหาที่ตามกระแสข่าว ซึ่งคอนเทนต์ประเภทนี้ในระยะสั้นจะทำให้ได้เอ็นเกจเมนต์เร็ว แต่ไม่อยู่ยาว
2) Evergreen Content เนื้อหาหลักที่ครอบคลุมสินค้า บริการ และองค์ประกอบหลักของธุรกิจ สามารถเล่นหรือเผยแพร่ได้บ่อย ๆ และอยู่ได้ยาวนาน
ธุรกิจไม่ควรมุ่งเน้นไปที่คอนเทนต์ตามกระแสหรือไวรัลมากเกินไป แม้คอนเทนต์ประเภทนี้จะสร้างเอ็นเกจเมนต์ได้ดีในระยะสั้น แต่ไม่สามารถอยู่ได้ยาวนาน ธุรกิจจึงต้องเข้าใจแกนหลักของธุรกิจ เพื่อสร้างคอนเทนต์แบบ Evergreen Content ที่นำไปใช้ซ้ำได้บ่อย และสร้างทราฟฟิกได้อย่างต่อเนื่อง"
อาจารย์ซันกล่าว
พร้อมกับยกตัวอย่างการผลิตคอนเทนต์ของโรงพยาบาลที่อิงจาก 5 แกนหลักของธุรกิจ ได้แก่
- ศูนย์การรักษา (Center)
- การรักษา (Treatment)
- โรค (Condition/Disease)
- หมอ (Doctor)
- บริการ (Service)
การสร้างคอนเทนต์ที่เชื่อมโยงและครอบคลุมครบทั้ง 5 แกนนี้ จะช่วยให้คอนเทนต์ของแบรนด์แข็งแกร่งและสามารถขายสินค้าได้จริง
"หากบริษัทบางบริษัทมีบริการ 14 รูปแบบ แต่ทำคอนเทนต์เพียง 7 รูปแบบ อีก 7 รูปแบบที่ไม่ทำจะกลายเป็นช่องโหว่ที่คู่แข่งสามารถเข้ามายึดพื้นที่ได้" อาจารย์ซัน กล่าว
จากคอนเทนต์ 1 เรื่อง ยังสามารถแตกออกเป็นหลายฟอร์แมตได้ ไม่ว่าจะเป็น
- Text: บทความ
- Audio: พอดคาสต์
- Image: อินโฟกราฟิก
- Video: คลิปสอนหรือแนะนำ
ทุกฟอร์แมตสามารถทำ SEO ได้หมด แม้แต่รูปภาพก็ใส่ Alt Text ได้ วิดีโอบนยูทูบก็ใส่ Title, Description และ Tag ได้"
อาจารย์ซันอธิบาย
วัดผลยุค AI อย่างไร
เมื่อ AI ทำให้คนคลิกน้อยลง การวัดผลจึงไม่ได้อิงแค่จำนวนคลิกอีกต่อไป แต่ต้องดู conversion ว่า จากจำนวนคลิกที่น้อยลง สามารถเปลี่ยนเป็นยอดขายหรือผลลัพธ์ได้มากขึ้นหรือไม่ สำหรับสำนักข่าวอาจจะวัดจากจำนวนคนที่ติดต่อมา จำนวนคนซื้อพื้นที่สื่อ และการถูกอ้างถึง (Citation) จากเว็บอื่น ๆ
สำนักข่าวต้องเน้น “ความน่าเชื่อถือ” เพื่อให้ AI อ้างอิง
สำหรับสำนักข่าวหรือสื่อมวลชน การปรับตัวเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะ AI Search ไม่ได้อิงจากคีย์เวิร์ดเป็นหลัก แต่อิงจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สำนักข่าวต้องเน้น ‘ความน่าเชื่อถือ’ เพราะ AI Search ไม่ได้อิงจากคีย์เวิร์ดเป็นหลักอีกต่อไป แต่อิงจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ” อาจารย์ซัน กล่าว
อาจารย์ซันยังแนะนำด้วยว่า เว็บข่าวจำเป็นต้องผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ เพื่อให้ AI ดึงไปใช้เป็นแหล่งอ้างอิง Reference หรือ Citation การที่สำนักข่าวถูกอ้างอิงจาก AI จะช่วยส่งเสริมอันดับของเว็บและความน่าเชื่อถือของทั้งสื่อเองและบุคคลที่ถูกกล่าวถึงในข่าว เช่น หากชื่อผู้เชี่ยวชาญคนใดคนหนึ่งถูกค้นหาบ่อยและถูกอ้างอิงจากสื่อที่เชื่อถือได้ จะทำให้อันดับของชื่อผู้เชี่ยวชาญรายนั้น ๆ ดีขึ้นได้
โครงสร้างเว็บไซต์ที่ AI เข้าใจง่าย: ก้าวแรกสู่การเป็นที่รู้จักในยุค AI Search
อาจารย์ซันได้สรุปคำแนะนำสั้น ๆ 3 ข้อหลัก ที่ทุกธุรกิจและสื่อที่มีเว็บไซต์ ควรเริ่มต้นดำเนินการเพื่อรับมือกับ AI Search และ AI Overview
1) โครงสร้างเว็บไซต์ที่ AI เข้าใจง่าย: โครงสร้างเว็บไซต์ต้องทำให้ AI และ Google เข้าใจง่ายที่สุด เหมือนการทำป้ายบอกทางในบ้านที่มีหลายห้อง ตรวจสอบ Inbound Link ต่าง ๆ และปลั๊กอิน SEO ที่จำเป็น
2) เนื้อหาที่ครบถ้วนและเข้าใจง่าย: เนื้อหาต้องครอบคลุมทุกบริการหรือหัวข้อหลักของธุรกิจ โดยเน้นการเขียนให้เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อนจนเกินไป
3) การเชื่อมโยงและอ้างอิงจากแหล่งที่เชื่อถือ: AI ให้น้ำหนักกับความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลเป็นหลัก ธุรกิจอาจจะทำงานร่วมกับสำนักข่าวหรือพาร์ทเนอร์เพื่อให้ได้ Reference หรือ Citation กลับมาที่เว็บไซต์
อาจารย์ซัน เสริมว่า การได้รับอ้างอิงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือจะช่วยให้อันดับดีขึ้นและทำให้ AI ดึงเว็บไซต์ไปใช้งานบ่อยขึ้น โดยการทำ Social Share หรือการขอให้พาร์ทเนอร์ลงลิงก์เว็บไซต์ถือเป็นกลยุทธ์แบบ Win-Win
นอกจากการจัดทำโครงสร้างเว็บไซต์ให้ AI เข้าใจง่ายแล้ว อาจารย์ซันยังย้ำถึงความสำคัญของเว็บไซต์ด้วยว่า เว็บไซต์เปรียบเสมือนบ้านท่ามกลางโซเชียลมีเดียที่มีการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่เว็บไซต์มีฐานข้อมูลของลูกค้าหลักที่ธุรกิจหรือสื่อสามารถนำมาใช้ประโยชน์ด้วยการต่อยอดได้ ไม่ว่าจะเป็น Customer Data Platform (CDP) เพื่อการนำเสนอคอนเทนต์แบบที่สามารถเจาะจงตามความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย (Personalization)
ทักษะที่ต้องมี เทรนด์ที่ต้องจับตา
สำหรับผู้ที่ทำงานในสายงาน SEO อาจารย์ซันชี้ว่า นอกจากทักษะทางเทคนิคแล้ว ความคิดสร้างสรรค์ และการใช้เครื่องมือ Social Listening เพื่อติดตามเทรนด์และความต้องการของตลาด ก็มีความสำคัญอย่างมาก การทำ SEO ในปัจจุบันไม่ควรจำกัดแค่บนเว็บไซต์ แต่ควรขยายไปสู่โซเชียลมีเดียด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ คอนเทนต์ในปัจจุบันไม่ได้จำกัดแค่ Text แต่สามารถสร้างเป็นหลายรูปแบบ เช่น พอดคาสต์ วิดีโอ หรืออินโฟกราฟิก โดยคอนเทนต์หนึ่งชิ้นสามารถแตกกระจายไปสู่หลายฟอร์แมตได้ และทุกฟอร์แมตสามารถทำ SEO ได้ (เช่น การใส่ Alternate Text ในภาพ หรือการใส่ Tag ใน YouTube)
ส่วนเทรนด์ที่กำลังจะมาในอนาคตอันใกล้คือ Voice Search (การค้นหาด้วยเสียง) โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาหรับ โดยอาจารย์ซันได้ยกตัวอย่างสำนักข่าวต่างประเทศที่จะมีปุ่มค้นหาด้วยเสียง
อาจารย์ซันปิดท้ายว่า การปรับตัวให้ AI “ชื่นชอบ” นั้น ต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจพื้นฐาน การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ครบถ้วน และเน้นความเป็นมนุษย์ พร้อมเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของ “เว็บไซต์” ในการเป็นฐานข้อมูลลูกค้าหลัก ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้าง Customer Data Platform เพื่อนำเสนอคอนเทนต์แบบ Personalization ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเข้าใจลูกค้าได้รอบด้าน การพึ่งพาสื่อโซเชียลเพียงอย่างเดียวนั้นมีความเสี่ยงสูง และอาจทำให้ธุรกิจสูญเสียข้อมูลสำคัญไปได้ในอนาคต
Topics
- แนวโน้มสื่อไทย 2569
- แนวโน้มสื่อไทย 2568
- ภูมิทัศน์สื่อไทยปี 2568
- ภูมิทัศน์สื่อไทยปี 2567
- ภูมิทัศน์สื่อไทยปี 2566
- ภูมิทัศน์สื่อไทยปี 2565
- ภูมิทัศน์สื่อไทยปี 2564
- ภูมิทัศน์สื่อไทยปี 2563
- Thai Media Trends 2026 (English Version)
- Thai Media Trends 2025 (English Version)
- Thailand Media Landscape 2024-2025 (English Version)
- Thailand Media Landscape 2023-2024 (English Version)
- Thailand Media Landscape 2022-2023 (English Version)
- Thailand Media Landscape 2021-2022 (English Version)