จากการเก็บข้อมูลและฟังเสียงผู้บริโภคในสังคมออนไลน์ผ่านเครื่องมือ Social Listening พบกระแส "ชาไทยไม่ใส่สี" หรือ "ชาไทยไร้สี(ส้ม)" กำลังเป็นที่สนใจของผู้บริโภค โดยมีการพูดถึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงที่ผ่านมา กระแส “ชาไทยไม่ใส่สี” ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในสื่อสังคมออนไลน์ หลังมีการพูดถึงประเด็นการใช้สีสังเคราะห์ในชาไทยบางแบรนด์ ซึ่งกระตุ้นให้ผู้บริโภคตั้งคำถามถึงความปลอดภัยและความโปร่งใสของกระบวนการผลิต ขณะเดียวกัน คำที่เกี่ยวข้องอย่าง “ไร้สี”, “ออร์แกนิก” และ “ธรรมชาติ” ก็ถูกกล่าวถึงมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงแนวโน้มการบริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืน ชาไทยไม่ใส่สีจึงไม่ใช่เพียงเครื่องดื่มทางเลือก หากแต่เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคใหม่
จากกระแสดังกล่าว บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด ได้นำเครื่องมือ DXT360 เพื่อฟังเสียงในสังคมออนไลน์ (Social Listening) ระหว่างวันที่ 16 – 23 มิถุนายน 2568 เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ พบว่าบนโซเชียลมีเดียมีการพูดถึง (Mention) “ชาไทยไม่ใส่สี” 819 ครั้ง และได้รับการมีส่วนร่วม หรือเอ็นเกจเมนต์ (Engagement) รวมกว่า 287,424 ครั้ง

สำรวจโซเชียล: ชาไทยไม่ใส่สี vs ชาไทยสีส้ม
1. ชื่นชอบแบบใหม่ (ไม่ใส่สี/สีธรรมชาติ) 84.9%
2. ชอบแบบเดิม (สีส้ม) 15.1%
จุดแข็งของชาไทยแบบใหม่
ด้านสุขภาพ: ลูกค้าให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและไม่ใส่สีเทียม
ความเป็นธรรมชาติ: ผู้บริโภคชื่นชอบรสชาติที่แท้จริงของใบชา
เทรนด์สุขภาพ: สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่
ความท้าทายที่พบ
ความคุ้นเคย: กลุ่มลูกค้าบางส่วนยังคิดถึงแบบเดิมที่ใส่สี
เอกลักษณ์: บางคนมองว่าสีส้มเป็นจุดขายหลักของชาไทย
ความคล้าย: กลุ่มลูกค้ารู้สึกว่ารสชาติและสีคล้ายกับชาซีลอนหรือชาอัสสัม
การปรับตัว: ผู้บริโภคต้องใช้เวลาให้ปรับตัวกับรูปลักษณ์ใหม่
ข้อเสนอแนะแบรนด์ในการสื่อสารกับผู้บริโภค
- เน้นประโยชน์ด้านสุขภาพ – ไม่มีสีเทียม ปลอดภัยต่อสุขภาพ
- สื่อสารความเป็นธรรมชาติ – รสชาติแท้จริงของใบชา
- เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ – ชาไทยดั้งเดิมไม่ได้ใส่สี
ส่อง 5 อันดับแบรนด์ในกระแส “ชาไทยไม่ใส่สี (ส้ม)”

แบรนด์ “Cafe Amazon” ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดถึง 56.7% โดยส่วนหนึ่งมาจากการวางจำหน่าย “ชาไทยไม่ใส่สี (ส้ม)” อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางกระแสความสนใจที่กำลังถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในสื่อสังคมออนไลน์ ขณะที่ Cha Tra Mue ซึ่งเป็นแบรนด์แรกที่ประกาศแผนการวางจำหน่าย และมีภาพจำชัดเจนในฐานะแบรนด์ชาไทยดั้งเดิม ก็ได้รับการกล่าวถึงเป็นอันดับสองที่ 34.4% สำหรับ KOI Thé ที่วางจำหน่ายชาไทยไม่ใส่สีมาตั้งแต่ปี 2021 และมีจุดเด่นในกลุ่มเครื่องดื่มชานม มีสัดส่วนการกล่าวถึงอยู่ที่ 6.9% ส่วน Olino (1.2%) และ Bearhouse (0.8%) แม้จะมียอดการพูดถึงไม่สูงนัก แต่ก็สะท้อนว่าเทรนด์ชาไทยไม่ใส่สีกำลังขยายตัวสู่หลากหลายแบรนด์และกลุ่มผู้บริโภค
Top 3 เพจเฟซบุ๊กที่มี Engagement สูงสุดในกระแส "ชาไทยไม่ใส่สี"

- Brand Inside เพจสื่อที่นำเสนอข่าวสารด้านการตลาด มียอดผู้ติดตาม 442K โดยโพสต์ที่นำเสนอ “ชาไทยไม่ใส่สี” สร้างปฏิสัมพันธ์ หรือ การมีส่วนร่วม (Engagement) สูงถึง 23,556 ครั้ง
2) Drama-addict เพจสื่อดัง ยอดผู้ติดตาม 3M โพสต์ที่นำเสนอ “ชาไทยไม่ใส่สี” สร้างปฏิสัมพันธ์ หรือ การมีส่วนร่วม (Engagement) สูงถึง 19,216 ครั้ง
3) กินไปเหอะ เพจรีวิวของกิน ยอดผู้ติดตาม 985K โพสต์ที่นำเสนอ “ชาไทยไม่ใส่สี” สร้างปฏิสัมพันธ์ หรือ การมีส่วนร่วม (Engagement) สูงถึง 15,989 ครั้ง

By Thanon Phewthongngam, Pongpipat Tungkavichitwat