“คนละครึ่ง” รีบูต 2568: ส่อง Insight โซเชียล แบบไหนโดนใจคนไทย

นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกโครงการ "คนละครึ่ง" ได้กลายเป็นหนึ่งในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับความนิยมและอยู่ในความทรงจำของคนไทย ด้วยรูปแบบที่เข้าใจง่ายและตอบโจทย์การลดภาระค่าครองชีพรายวัน พร้อมๆ กับการอัดฉีดเม็ดเงินลงสู่เศรษฐกิจฐานรากผ่านร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ

และล่าสุดกระแสของโครงการ “คนละครึ่ง” ได้กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง หลังจากที่ “รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล” ได้ประกาศนำนโยบายนี้กลับมาปัดฝุ่นอีกครั้ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ และสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนเข้าสู่ระบบภาษีมากยิ่งขึ้น

บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด ได้ทำการรวบรวมข้อมูลผ่านเครื่องมือ dxt:360 เพื่อฟังเสียงในสื่อสังคมออนไลน์ (Social Listening) ในช่วงวันที่ 4 กันยายน – 21 กันยายน 2568 เพื่อถอดรหัสว่า ประชาชนอยากเห็นโครงการ “คนละครึ่ง” ในรูปแบบใดเมื่อมีการนำกลับมาใช้อีกครั้ง ซึ่งจะเผยให้เห็น Insight ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการพูดคุยในสังคมออนไลน์ครั้งนี้

เสียงโซเชียลสะท้อน “คนละครึ่ง” ในมุมมองประชาชน

จากการรวบรวมข้อมูลบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย พบว่าเสียงส่วนใหญ่แสดงความต้องการให้โครงการกลับมาอย่างชัดเจน โดยมีข้อเสนอและความคาดหวังที่น่าสนใจใน 3 ประเด็นหลัก ดังนี้

1. วงเงินและระยะเวลา (50%)

  • ประชาชนจำนวนมากคาดหวังว่าโครงการจะกลับมาพร้อมวงเงินที่เหมาะสมและไม่น้อยไปกว่าเฟสก่อน ๆ และมีการปรับเพิ่มวงเงินการใช้จ่ายในแต่ละวัน เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน
  • นอกจากจำนวนเงินแล้ว ประเด็นเรื่อง ระยะเวลาและความต่อเนื่อง ก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยมีเสียงเรียกร้องให้โครงการมีระยะยาวนานขึ้นหรือแบ่งเป็นหลายเฟสย่อย เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้อย่างต่อเนื่อง

2.เงื่อนไขและการลงทะเบียน (40%)

  • ไม่ควรให้สิทธิ์ซ้ำกับผู้ที่เคยได้รับ “เงินหมื่นดิจิทัล” มีเสียงเสนอว่า ผู้ที่เคยได้รับสิทธิโครงการ “เงินหมื่นดิจิทัล” ไปแล้วไม่ควรได้รับสิทธิคนละครึ่งซ้ำอีก โดยให้เหตุผลว่า ควรกระจายความช่วยเหลือให้กับผู้ที่ยังไม่เคยได้รับโอกาส เพื่อไม่ให้งบประมาณของประเทศไปกระจุกตัวอยู่ที่คนกลุ่มเดิม
  • ไม่ควรตัดสิทธิ์ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) เนื่องจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจเป็นการ “แบ่งแยกประชาชน” และ “ซ้ำเติมกลุ่มคนที่เปราะบางที่สุด” ในสังคม กลุ่มที่มีความเห็นนี้จึงเสนอให้คนไทยทุกคนได้รับสิทธิ์อย่างเท่าเทียมกัน
  • ควรใช้แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ที่มีอยู่แล้ว เป็นข้อเสนอที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นการประหยัดงบประมาณ ไม่ต้องเสียเงินไปกับการพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ที่ซ้ำซ้อน และประชาชนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับระบบเดิมอยู่แล้ว 

3.ร้านค้าและผลิตภัณฑ์ที่เข้าร่วม (10%)

  • ประชาชนส่วนหนึ่งเห็นด้วยกับการจำกัดการใช้จ่ายเฉพาะร้านค้าขนาดเล็ก หรือร้านหาบเร่แผงลอยที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง เพื่อให้เม็ดเงินกระจายไปสู่ผู้ประกอบการรายย่อยอย่างทั่วถึง และไม่กระจุกตัวอยู่กับร้านสะดวกซื้อหรือนายทุนรายใหญ่
  • มีเสียงเสนอให้เพิ่มเงื่อนไขเพื่อส่งเสริมการซื้อสินค้าที่ผลิตโดยคนไทย (Made in Thailand) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นน้ำและช่วยเหลือเกษตรกรหรือผู้ผลิตในประเทศโดยตรง

ศึกนโยบายเรือธง: คนละครึ่ง vs เงินหมื่น แบบไหนโดนใจโซเชียล

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อพูดถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ชื่อของ คนละครึ่ง มักจะถูกนำมาเปรียบเทียบกับ เงินหมื่นดิจิทัล อยู่เสมอจากการวิเคราะห์บทสนทนาพบว่า สามารถแบ่งกลุ่มประชาชนออกได้เป็น 3 กลุ่มหลัก ซึ่งเผยให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนว่า นโยบายไหนครองใจคนไทยมากกว่ากัน

ทีม “คนละครึ่ง” (60%)

ประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมออนไลน์เห็นว่าโครงการ คนละครึ่ง มีความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพมากกว่าโครงการเงินหมื่นดิจิทัล โดยอิงจากประสบการณ์ตรงที่เคยใช้มาก่อนหน้านี้ มุมมองของคนกลุ่มนี้เชื่อว่าคนละครึ่งเป็นโครงการที่จับต้องได้และเห็นผลชัดเจน โดยเสียงสะท้อนส่วนใหญ่ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า “คนละครึ่ง” สามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และทำให้เงินหมุนเวียนไปยังร้านค้ารายย่อยได้จริง

ทีม “เงินหมื่นดิจิทัล” (22%)

เป็นกลุ่มประชาชนส่วนหนึ่งที่ยังคงชื่นชอบและต้องการโครงการในรูปแบบ “เงินหมื่นดิจิทัล” มากกว่า “คนละครึ่ง” ความเห็นที่ปรากฏในกลุ่มนี้ยังคงเชื่อว่าการได้รับเงินก้อนจำนวนหนึ่งหมื่นบาทตรงกับความต้องการมากกว่า เพราะสามารถนำไปใช้กับภาระหนี้สินหรือซื้อของชิ้นใหญ่ที่จำเป็น หรือสามารถใช้เป็นทุนหมุนเวียนได้ในยามจำเป็น ขณะที่โครงการคนละครึ่งมีข้อจำกัดในการใช้จ่ายแต่ละครั้ง

ทั้งนี้ มุมมองดังกล่าวสะท้อนความต้องการของประชาชนจำนวนหนึ่งในสังคมออนไลน์ที่มองว่ารูปแบบการได้รับเงินสดจำนวนมากตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้ดีกว่า

ทีมไม่เชื่อมั่นนโยบายรัฐ (18%)

จากการวิเคราะห์บทสนทนาออนไลน์ พบว่ามีกลุ่มประชาชนส่วนหนึ่งที่แสดงความไม่เชื่อมั่นต่อนโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นโครงการคนละครึ่งหรือเงินหมื่นดิจิทัล

ความเห็นในกลุ่มนี้สะท้อนถึงความผิดหวังและสูญเสียความไว้วางใจต่อนโยบายภาครัฐ โดยอ้างอิงถึงนโยบายหลายอย่างที่เคยประกาศไว้แต่ยังไม่เป็นจริงหรือประสบปัญหาในการดำเนินการ เช่น โครงการเงินหมื่นดิจิทัล โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นต้น กลุ่มนี้จึงมองว่าไม่ว่าจะเป็นโครงการใดก็ตาม โอกาสที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์จริงยังคงไม่แน่นอน ซึ่งเป็นการแสดงความรู้สึกจากประสบการณ์เกี่ยวกับนโยบายที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

เสียงแตก! ประเด็นสัดส่วนร่วมจ่าย ใครควรได้สิทธิพิเศษ?

จากการติดตามบทสนทนาออนไลน์ พบว่าหนึ่งในประเด็นที่มีการถกเถียงกันอย่างร้อนแรง คือแนวคิดการปรับสัดส่วนการร่วมจ่าย โดยมีข้อเสนอให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตรา รัฐ 60 : ประชาชน 40 เทียบกับประชาชนทั่วไปที่เป็น 50:50 ซึ่งความคิดเห็นแบ่งออกเป็นสองฝั่ง 

ฝั่งสนับสนุน: การวิเคราะห์บทสนทนาออนไลน์ พบว่ามีกลุ่มหนึ่งที่แสดงความเข้าใจและยอมรับแนวคิดการให้สิทธิพิเศษแก่ผู้เสียภาษี กลุ่มนี้มองว่าการปรับสัดส่วนการร่วมจ่ายนั้น มีความสมเหตุสมผล เป็นการตอบแทนพลเมืองที่ปฏิบัติหน้าที่เสียภาษีอย่างครบถ้วน และอาจเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น

ฝั่งคัดค้าน: ในการทางกลับกัน มีกลุ่มหนึ่งที่แสดงความไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน โดยมองว่า หลักการสำคัญของโครงการคนละครึ่งคือ “ความเท่าเทียม” และสิทธิประโยชน์ควรเป็น 50:50 เหมือนเดิมสำหรับทุกคน กลุ่มนี้เห็นว่าการสร้างเงื่อนไขใหม่ที่ให้สิทธิประโยชน์แตกต่างกันนั้นไม่ต่างอะไรกับการ “แบ่งแยกชนชั้น” และสร้างความซับซ้อนโดยไม่จำเป็น

อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์เสียงสะท้อนบนสื่อสังคมออนไลน์ จะเห็นได้ว่า “คนละครึ่ง” ยังคงเป็นโครงการที่อยู่ในใจและมีความคาดหวังจากประชาชนต่อการกลับมาในปี 2568 โดยบทสนทนาในโลกออนไลน์สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการให้มีการปรับปรุงและพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้น โดยคำนึงถึงความเท่าเทียมและเหมาะสมกับทุกกลุ่ม

ข้อมูลทั้งหมดที่นำมาวิเคราะห์หา Insight รวบรวมข้อมูลจาก dxt:360 (Social Listening and Media Monitoring Platform) ของบริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด โดยเก็บข้อมูลระหว่าง 4 กันยายน – 21 กันยายน 2568

มุมมองนักวิเคราะห์ ข้อเสนอแนะเพื่อ “คนละครึ่ง” ที่ดีกว่าเดิม

แม้โครงการคนละครึ่ง จะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นนโยบายที่ประสบความสำเร็จในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก แต่ในมุมมองของนักวิชาการและสถาบันวิจัยชั้นนำมองว่า โครงการนี้ยังมีจุดที่สามารถพัฒนาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นได้ โดยมีข้อเสนอแนะที่น่าสนใจดังนี้

เปลี่ยนจาก มาตรการระยะสั้น สู่ เครื่องมือสร้างประโยชน์ในระยะยาว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch) ได้เสนอให้ปรับมุมมองต่อโครงการ จากแค่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชั่วคราว ไปสู่เครื่องมือเชิงนโยบายเพื่อสร้างประโยชน์ในระยะยาว

  • ลดสัดส่วนเงินอุดหนุน พิจารณาลดเงินที่รัฐช่วยจ่ายจาก 50% เหลือ 20-30% ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคต้องใช้จ่ายเงินของตนเองมากขึ้น เป็นการเร่งให้เงินหมุนในระบบเร็วขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพของงบประมาณที่รัฐใช้ไป

 

  • จำกัดเกณฑ์ผู้มีสิทธิ์ มีข้อเสนอที่น่าสนใจคือการกำหนดให้ทั้งประชาชนและร้านค้า ที่จะเข้าร่วมโครงการได้ ต้องเป็นผู้ที่ยื่นหรือเสียภาษีเท่านั้น แนวทางนี้จะเปลี่ยนโครงการให้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการ ขยายฐานภาษี ของประเทศ 


  • ใช้ประโยชน์จาก Data ให้มากขึ้น โครงการ คนละครึ่ง ทำให้รัฐบาลมีข้อมูลการใช้จ่ายของประชาชนและร้านค้าจำนวนมหาศาล ซึ่งสามารถนำไปวิเคราะห์เพื่อออกแบบนโยบายเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่แม่นยำและตรงจุดมากขึ้นได้ในอนาคต

 

Author picture

By Saran Chareonsuk

ข่าวล่าสุด

“คนละครึ่ง” รีบูต 2568: ส่อง Insight โซเชียล แบบไหนโดนใจคนไทย

นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกโครงการ “คนละครึ่ง” ได้กลายเป็นหนึ่งในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับความนิยมและอยู่ในความทรงจำของคนไทย ด้วยรูปแบบที่เข้าใจง่ายและตอบโจทย์การลดภาระค่าครองชีพรายวัน…

Read More »

iPhone 17 ในสายตาชาวเน็ต ความคาดหวัง vs ความจริง

ถึงเวลาที่หลายคนรอคอย! การมาถึงของ iPhone 17 ไม่ได้เป็นเพียงการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ แต่เปรียบเสมือนอีเวนต์ประจำปีที่ทุกคนต่างจับจ้องและเฝ้ารอ ทันทีที่งานเปิดตัวเริ่มต้นขึ้น (9 ก.ย. 68)…

Read More »

“ค่ารถไฟฟ้า” ภาระคนเมือง เสียงสะท้อนผ่านนโยบาย 20 บาทตลอดสาย

การเปิดให้ลงทะเบียนนโยบาย “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ช่วงปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ได้สร้างกระแสพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ ความคิดเห็นสะท้อนทั้งความคาดหวังว่านโยบายนี้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย…

Read More »

“เขมจิราต้องรอด” ปรากฏการณ์ซีรีส์วายสุดไวรัล

“เขมจิราต้องรอด” จากนิยายสู่ซีรีส์วายที่ได้รับความสนใจและถูกพูดถึงทั่วโซเชียล จนเกิดเป็นกระแสพ่อครูหล่อบอกต่อ และทำให้แฮชแท็ก #เขมจิราต้องรอด และ คีย์เวิร์ด Khemjira The Series ในแต่ละอีพี…

Read More »

10 แบรนด์เมคอัพไทยสุดปัง! พร้อมไอเท็มฮิต ใช้ดีบอกต่อ

เครื่องสำอางแบรนด์ไทยใช้ดีไม่แพ้แบรนด์นอก! เสียงสะท้อนจากผู้ใช้ในโซเชียลมีเดีย 10 แบรนด์มาแรง! + 5 ไอเท็มเด็ดที่ใครใช้ก็บอกต่อ

Read More »

“ถอด Voice โซเชียล” ฟังเสียงลูกค้าหาอินไซต์ธุรกิจส่งด่วน

ธุรกิจขนส่งพัสดุกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวันของผู้คนในยุคปัจจุบัน โดยมีปัจจัยหลักในการขับเคลื่อน คือ การขยายตัวของอีคอมเมิร์ซที่ทำให้ผู้บริโภคและร้านค้าหันมาใช้แพลตฟอร์ม…

Read More »